Skip to main content
บทความเด่น
M&A

ขายกิจการในไทย 2025: คู่มือสมบูรณ์เพื่อการขายธุรกิจให้ได้ราคาสูงสุด

คู่มือครอบคลุมสำหรับการขายกิจการในประเทศไทย พร้อมเทคนิคการประเมินมูลค่า กระบวนการ M&A และวิธีหานักลงทุนที่เหมาะสม เพื่อให้คุณได้ราคาที่ดีที่สุด

15 มกราคม 2568อ่าน 12 นาทีโดย OliveGreenCapital
การขายกิจการในประเทศไทย - ภาพประกอบแสดงการประชุมธุรกิจและการเจรจาทางการเงินในสำนักงานโมเดิร์นที่กรุงเทพฯ

บทนำ: ทำไมการขายกิจการถึงเป็นเรื่องสำคัญ

การขายกิจการ เป็นหนึ่งในการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นการขายเพื่อเกษียณ การขยายธุรกิจไปสู่ระดับใหม่ หรือการปรับโครงสร้างทางการเงิน ในปี 2025 ตลาด M&A ไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติและการควบรวมกิจการภายในประเทศ

ตลาดการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 500,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 8-12% ต่อปี การเตรียมตัวและการวางแผนที่ดีจึงเป็นกุญแจสำคัญในการขายกิจการให้ได้ราคาที่เป็นธรรมและคุ้มค่า

ภาพรวมตลาด M&A ไทยในปี 2025

อุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูง

  • • เทคโนโลยีและดิจิทัล
  • • สุขภาพและเวลเนส
  • • โลจิสติกส์และการขนส่ง
  • • อาหารและเครื่องดื่ม
  • • พลังงานสะอาด
  • • การศึกษาออนไลน์

สถิติตลาด M&A 2024-2025

  • • มูลค่าธุรกรรม: 520,000 ล้านบาท
  • • จำนวนธุรกรรม: 1,250+ ดีล
  • • เติบโต: +11% จากปีก่อน
  • • ต่างชาติ: 35% ของธุรกรรม
  • • ระยะเวลาเฉลี่ย: 8-14 เดือน
  • • Success Rate: 68%

ข้อมูลสำคัญ: นักลงทุนต่างชาติจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีความสนใจในการลงทุนซื้อธุรกิจไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่มีศักยภาพในการขยายตัวสู่ตลาดอาเซียน

วิธีการประเมินมูลค่าธุรกิจที่ถูกต้อง

การประเมินมูลค่าธุรกิจอย่างแม่นยำเป็นพื้นฐานสำคัญของการขายกิจการ มีหลายวิธีที่ใช้กันทั่วไปในตลาดไทย:

1. วิธีการคูณกำไร (Earnings Multiple)

สูตร: มูลค่าธุรกิจ = EBITDA × Multiple

  • • ธุรกิจขนาดเล็ก (รายได้ < 50 ล้าน): Multiple 3-5x
  • • ธุรกิจขนาดกลาง (รายได้ 50-500 ล้าน): Multiple 5-8x
  • • ธุรกิจขนาดใหญ่ (รายได้ > 500 ล้าน): Multiple 8-15x

2. วิธีกระแสเงินสดคิดลด (DCF - Discounted Cash Flow)

เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีแผนการเติบโตระยะยาวที่ชัดเจน

  • • คำนวณจากการคาดการณ์กระแสเงินสด 5-10 ปี
  • • ใช้อัตราคิดลดตามความเสี่ยงของธุรกิจ
  • • เพิ่มมูลค่าคงเหลือ (Terminal Value)

3. วิธีเปรียบเทียบตลาด (Market Comparison)

เปรียบเทียบกับธุรกิจที่คล้ายคลึงกันในตลาด

  • • ศึกษาธุรกรรม M&A ล่าสุดในอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • • เปรียบเทียบอัตราส่วนทางการเงิน
  • • ปรับปรุงตามขนาดและลักษณะเฉพาะ

คำแนะนำ: ควรใช้หลายวิธีประเมินร่วมกัน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อให้ได้มูลค่าที่แม่นยำที่สุด การประเมินที่ผิดพลาดอาจทำให้ขาดทุนหรือขายในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง

กระบวนการขายกิจการ: ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ

1

การเตรียมความพร้อม (3-6 เดือน)

  • • จัดเตรียมเอกสารทางการเงิน 3-5 ปีย้อนหลัง
  • • ตรวจสอบสถานะทางกฎหมายและภาษี
  • • ปรับปรุงระบบบัญชีและการเงินให้เป็นมาตรฐาน
  • • จัดทำรายงานการตรวจสอบภายใน (Internal Audit)
  • • เตรียมข้อมูลลูกค้า ผู้จำหน่าย และพนักงานสำคัญ
2

การประเมินมูลค่าและหาโบรกเกอร์ (1-2 เดือน)

  • • ประเมินมูลค่าธุรกิจด้วยหลายวิธี
  • • เลือกโบรกเกอร์ธุรกิจที่มีประสบการณ์
  • • จัดทำ Information Memorandum (IM)
  • • วางกลยุทธ์การตลาดและการขาย
  • • เซ็นสัญญาความเป็นพิเศษ (Exclusivity Agreement)
3

การหาผู้ซื้อและเจรจา (2-4 เดือน)

  • • สร้างรายชื่อผู้ซื้อที่มีศักยภาพ
  • • ส่งข้อมูลเบื้องต้นให้ผู้สนใจ
  • • จัดให้มีการนำเสนอและพบปะ
  • • รับ Letter of Intent (LOI)
  • • เจรจาเงื่อนไขเบื้องต้น
4

การตรวจสอบและปิดดีล (2-4 เดือน)

  • • ดำเนินการ Due Diligence
  • • เจรจาขั้นสุดท้ายและจัดทำสัญญา
  • • ขออนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • • จัดการเรื่องการเงินและการโอน
  • • ปิดการซื้อขายและส่งมอบกิจการ

การตรวจสอบ Due Diligence: สิ่งที่ผู้ซื้อจะตรวจสอบ

กระบวนการ Due Diligence เป็นขั้นตอนสำคัญที่ผู้ซื้อจะตรวจสอบข้อมูลของธุรกิจอย่างละเอียด การเตรียมพร้อมจะช่วยให้กระบวนการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ด้านการเงิน

  • • งบการเงิน 3-5 ปีย้อนหลัง
  • • รายงานกระแสเงินสด
  • • ลูกหนี้และเจ้าหนี้
  • • สต็อกสินค้าและสินทรัพย์
  • • การคาดการณ์ทางการเงิน
  • • สัญญาเช่าและผูกพัน

ด้านกฎหมาย

  • • ใบอนุญาทประกอบธุรกิจ
  • • สัญญาสำคัญทั้งหมด
  • • ทรัพย์สินทางปัญญา
  • • คดีความที่พัวพัน
  • • สถานะภาษี
  • • การปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน

ด้านปฏิบัติการ

  • • โครงสร้างองค์กรและพนักงาน
  • • กระบวนการผลิตหรือให้บริการ
  • • ระบบ IT และเทคโนโลยี
  • • การจัดการคุณภาพ
  • • ห่วงโซ่อุปทานและผู้จำหน่าย
  • • การจัดการความเสี่ยง

ด้านตลาด

  • • ฐานลูกค้าและการรักษาลูกค้า
  • • การวิเคราะห์คู่แข่ง
  • • แนวโน้มตลาดและอุตสาหกรรม
  • • กลยุทธ์การตลาดและขาย
  • • ช่องทางการจัดจำหน่าย
  • • แบรนด์และชื่อเสียง

เตือน: การปิดบังข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้การขายล้มเหลว หรือถูกเรียกร้องค่าเสียหายภายหลัง ความโปร่งใสและความซื่อสัตย์เป็นกุญแจสำคัญของการขายที่ประสบความสำเร็จ

ภาษีและข้อพิจารณาทางกฎหมาย

ภาษีจากการขายกิจการ

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล: 20% จากกำไรส่วนเกิน
  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: 5-35% (ขึ้นอยู่กับรายได้)
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะ: 3.3% (กรณีขายสินทรัพย์)
  • อากรแสตมป์: 0.1% ของมูลค่าการขาย
  • การวางแผนภาษี: ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดภาระภาษี

โครงสร้างการขายที่นิยม

การขายหุ้น (Share Sale)

  • • ผู้ซื้อได้สิทธิ์ครบทั้งบริษัท
  • • ผู้ขายได้เงินเต็มจำนวน
  • • ภาษีต่ำกว่า Asset Sale
  • • กระบวนการง่ายกว่า
  • • ความเสี่ยงจากหนี้เก่า

การขายสินทรัพย์ (Asset Sale)

  • • ขายเฉพาะสินทรัพย์ที่ต้องการ
  • • ผู้ซื้อเสี่ยงน้อยกว่า
  • • การโอนใบอนุญาตยุ่งยาก
  • • ภาษีสูงกว่า
  • • เหมาะกับธุรกิจที่มีปัญหาหนี้

การหาผู้ซื้อที่เหมาะสม: กลยุทธ์และช่องทาง

Strategic Buyers

  • • บริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • • ต้องการขยายตลาดหรือเทคโนโลยี
  • • มักจ่ายราคาสูงกว่า
  • • มี Synergy ที่ชัดเจน
  • • กระบวนการเร็วกว่า

Financial Buyers

  • • กองทุน Private Equity
  • • นักลงทุนรายใหญ่
  • • มองหาผลตอบแทนทางการเงิน
  • • ใช้เงินกู้สัดส่วนสูง
  • • อาจเก็บ Management ไว้

Individual Buyers

  • • ผู้ประกอบการรายใหม่
  • • Management Buy-out (MBO)
  • • พนักงานหรือคู่ค้า
  • • มีความเข้าใจธุรกิจ
  • • อาจมีข้อจำกัดด้านเงินทุน

ช่องทางหาผู้ซื้อ

  • โบรกเกอร์ธุรกิจ: มีเครือข่ายผู้ซื้อที่กว้าง
  • ธนาคารลงทุน: เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่
  • เครือข่ายส่วนตัว: คู่ค้า ลูกค้า คู่แข่ง
  • แพลตฟอร์มออนไลน์: เว็บไซต์ซื้อขายธุรกิจ
  • สมาคมธุรกิจ: การประชุมและงานแสดงสินค้า
  • ที่ปรึกษาทางการเงิน: บริษัท M&A Advisory

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

1. การเตรียมตัวไม่เพียงพอ

  • • ไม่มีข้อมูลทางการเงินที่ครบถ้วน
  • • ระบบบัญชีไม่เป็นมาตรฐาน
  • • ปัญหาทางกฎหมายที่ไม่ได้แก้ไข
  • • การประเมินมูลค่าที่ไม่ถูกต้อง

2. การเจรจาที่ผิดพลาด

  • • ยึดติดกับราคาแรกเกินไป
  • • ไม่เข้าใจเงื่อนไขการชำระเงิน
  • • ละเลยข้อกำหนดหลังการขาย
  • • ไม่มีแผนสำรองเมื่อเจรจาล้มเหลว

3. การเลือกผู้ซื้อผิด

  • • เลือกผู้ซื้อที่ไม่มีความสามารถทางการเงิน
  • • ไม่ตรวจสอบประวัติและเครดิต
  • • ไม่พิจารณาความเข้ากันได้ทางวัฒนธรรม
  • • มุ่งเน้นแต่ราคาสูงสุดเท่านั้น

เคล็ดลับความสำเร็จ: ขายกิจการให้ได้ราคาสูงสุด

ก่อนการขาย

  • • พัฒนาระบบและกระบวนการให้เป็นมาตรฐาน
  • • สร้างทีมงานที่เข้มแข็งและพึ่งพาได้
  • • หลากหลายฐานลูกค้าและลดการพึ่งพา
  • • เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
  • • สร้างโอกาสเติบโตที่ชัดเจน
  • • จัดระเบียบทรัพย์สินทางปัญญา

ระหว่างการขาย

  • • รักษาผลประกอบการให้คงที่
  • • สร้างการแข่งขันระหว่างผู้ซื้อ
  • • เน้นจุดแข็งและโอกาสการเติบโต
  • • เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
  • • รักษาความลับและป้องกันข้อมูลรั่ว
  • • มีแผนสำรองหากการขายไม่สำเร็จ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ควรขายกิจการเมื่อไหร่?

เวลาที่เหมาะสำหรับการขายกิจการ คือเมื่อธุรกิจมีผลประกอบการที่ดี แนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน และตลาดมีความต้องการสูง ควรขายในช่วงที่ธุรกิจอยู่ในจุดสูงสุดของประสิทธิภาพ ไม่ควรรอจนกว่าจะมีปัญหาหรือผลประกอบการลดลง

การประเมินมูลค่าธุรกิจทำอย่างไร?

การประเมินมูลค่าธุรกิจใช้หลายวิธี เช่น P/E Ratio, DCF, Asset-based Valuation โดยต้องพิจารณาจากกำไร สินทรัพย์ แนวโน้มการเติบโต และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ควรใช้หลายวิธีร่วมกันและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

ค่าใช้จ่ายในการขายกิจการมีอะไรบ้าง?

ค่าใช้จ่ายหลัก ได้แก่ ค่าโบรกเกอร์ (5-10%), ค่าทนายความ, ค่าที่ปรึกษาทางการเงิน, ค่า Due Diligence, ค่าภาษี และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ รวมประมาณ 10-15% ของราคาขาย

กระบวนการขายกิจการใช้เวลานานแค่ไหน?

กระบวนการขายกิจการโดยเฉลี่ยใช้เวลา 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจ ความซับซ้อน และสภาวะตลาด การเตรียมความพร้อมที่ดีจะช่วยลดระยะเวลาได้ ธุรกิจขนาดเล็กอาจใช้เวลา 4-8 เดือน ขณะที่ธุรกิจใหญ่อาจใช้เวลา 12-24 เดือน

นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อกิจการไทยได้หรือไม่?

นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อกิจการไทยได้ แต่ต้องปฏิบัติตาม Foreign Business Act และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บางธุรกิจอาจมีข้อจำกัดการถือหุ้น หรือต้องขออนุญาตพิเศษ ควรปรึกษาทนายความที่เชี่ยวชาญ

พร้อมขายกิจการของคุณแล้วหรือยัง?

ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในตลาด M&A ไทย เราพร้อมช่วยคุณขายกิจการในราคาที่คุ้มค่าที่สุด

การปรึกษาครั้งแรกฟรี • ไม่มีข้อผูกมัด • ความลับการค้ามีการคุ้มครอง