Skip to main content
บทความเด่น
การลงทุน

ซื้อกิจการในไทย 2025: คู่มือสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจ

คู่มือครอบคลุมการซื้อกิจการในประเทศไทย สำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจ เรียนรู้กระบวนการ Due Diligence การประเมินมูลค่า และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

18 สิงหาคม 2568อ่าน 15 นาทีโดย OliveGreenCapital
การซื้อกิจการในประเทศไทย - ภาพประกอบแสดงการประชุมธุรกิจและการเจรจาการลงทุนในสำนักงานโมเดิร์นที่กรุงเทพฯ

📊 ตลาดการซื้อกิจการในไทย 2025

850

ธุรกรรมต่อปี

ดีลการซื้อกิจการ

380B

มูลค่ารวม

พันล้านบาท

15%

เติบโตต่อปี

อัตราการเพิ่มขึ้น

78%

อัตราสำเร็จ

ของการซื้อกิจการ

ทำไมการซื้อกิจการถึงเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด

การซื้อกิจการ เป็นกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้คุณได้ ลูกค้าฐาน ทีมงาน ระบบงาน และรายได้ทันที แทนที่จะเริ่มต้นธุรกิจใหม่จากศูนย์ ในปี 2025 ตลาดการซื้อกิจการในไทยมีมูลค่ากว่า 380,000 ล้านบาท และเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการปรับตัวของธุรกิจและเทคโนโลยี

การซื้อกิจการช่วยลด ความเสี่ยง 60-70% เมื่อเทียบกับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และสามารถ เข้าสู่ตลาดได้เร็วกว่า 2-3 ปี นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากประสบการณ์ของผู้ประกอบการเดิม ความสัมพันธ์กับลูกค้า และระบบงานที่พร้อมใช้

ภาพรวมตลาดการซื้อกิจการในไทย

อุตสาหกรรมที่น่าลงทุน 2025

  • เทคโนโลยีและดิจิทัล - 35% ของตลาด
  • อีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ - 28% ของตลาด
  • อาหารและเครื่องดื่ม - 18% ของตลาด
  • สุขภาพและเวลเนส - 15% ของตลาด
  • การศึกษาและฝึกอบรม - 12% ของตลาด
  • พลังงานสะอาด - 10% ของตลาด

ราคาซื้อโดยเฉลี่ยตามขนาดธุรกิจ

ธุรกิจเล็ก (รายได้ < 10 ล้าน)
2-4x EBITDA
ธุรกิจกลาง (รายได้ 10-100 ล้าน)
4-7x EBITDA
ธุรกิจใหญ่ (รายได้ > 100 ล้าน)
6-12x EBITDA

หมายเหตุ: ธุรกิจเทคโนโลジีและดิจิทัลมักมี Multiple สูงกว่า 10-25x EBITDA

เทรนด์สำคัญ 2025: การซื้อกิจการแนวตั้ง (Vertical Integration) เพิ่มขึ้น 45% โดยธุรกิจต้องการควบคุม Supply Chain และลดต้นทุน ขณะที่การซื้อกิจการแนวนอน (Horizontal) เน้นขยายฐานลูกค้าและตลาดใหม่

ประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของการซื้อกิจการ

เข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว

  • • ได้ลูกค้าฐานทันที
  • • ระบบงานที่พร้อมใช้
  • • ทีมงานมีประสบการณ์
  • • รายได้เดือนแรก
💰

ประหยัดต้นทุนและเวลา

  • • ลดการลงทุนในการตลาด
  • • ไม่ต้องสร้างแบรนด์ใหม่
  • • ได้ใบอนุญาตและสิทธิ์
  • • ลดความเสี่ยงการขาดทุน
📈

ขยายธุรกิจอย่างมีเป้าหมาย

  • • เพิ่มส่วนแบ่งตลาด
  • • ขยายไปยังภูมิภาคใหม่
  • • เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่
  • • สร้าง Synergy ทางธุรกิจ

กระบวนการซื้อกิจการ: จากความคิดสู่ความสำเร็จ

1

กำหนดกลยุทธ์และเป้าหมาย (1-2 เดือน)

  • • วิเคราะห์วัตถุประสงค์การซื้อ (ขยายตลาด เทคโนโลยี ทีมงาน)
  • • กำหนดงบประมาณและแหล่งเงินทุน
  • • เลือกอุตสาหกรรมเป้าหมาย
  • • สร้างทีมที่ปรึกษา (ทนายความ นักบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน)
  • • วางเกณฑ์การประเมิน และ Success Metrics
2

ค้นหาและคัดเลือกเป้าหมาย (2-4 เดือน)

  • • สำรวจตลาดและสร้าง Long List ของเป้าหมาย
  • • วิเคราะห์เบื้องต้นและจัดลำดับความน่าสนใจ
  • • ติดต่อผู้ขายหรือตัวแทน
  • • ขอข้อมูลเบื้องต้น (Teaser และ Executive Summary)
  • • คัดเลือกเหลือ 3-5 เป้าหมายสุดท้าย
3

การประเมินและเจรจาเบื้องต้น (1-3 เดือน)

  • • ทำ Preliminary Valuation จากข้อมูลที่มี
  • • พบปะทีมผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจ
  • • เยี่ยมชมสถานที่และสังเกตการดำเนินงาน
  • • เจรจาราคาและเงื่อนไขเบื้องต้น
  • • ลงนาม Letter of Intent (LOI) หรือ MOU
4

Due Diligence และเจรจาสุดท้าย (2-4 เดือน)

  • • ตรวจสอบทางการเงิน กฎหมาย และปฏิบัติการ
  • • วิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาส
  • • ทำ Final Valuation และปรับราคา
  • • เจรจาสัญญาซื้อขายและเงื่อนไขการปิดดีล
  • • จัดการด้านการเงินและการโอนเงิน

วิธีการประเมินมูลค่าธุรกิจสำหรับการซื้อ

🎯 วิธีหลักที่นิยมใช้

1. Multiple of EBITDA

คูณกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา

EBITDA × 3-8

2. Revenue Multiple

เหมาะสำหรับธุรกิจเติบโตเร็ว

รายได้ × 1-4

💡 ปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่า

+
การเติบโตสูงและต่อเนื่อง
+
ฐานลูกค้าหลากหลาย
+
ระบบงานที่เป็นมาตรฐาน
-
พึ่งพาเจ้าของหรือลูกค้าใหญ่
-
การแข่งขันสูง

Due Diligence Checklist: สิ่งที่ต้องตรวจสอบ

📊 ด้านการเงิน

  • • งบการเงินและกระแสเงินสด 3-5 ปี
  • • การตรวจสอบบัญชี (Audit Report)
  • • ลูกหนี้การค้าและความน่าเชื่อถือ
  • • สินค้าคงคลังและการประเมินมูลค่า
  • • หนี้สินและภาระผูกพัน
  • • สัญญาเช่าและค่าใช้จ่ายประจำ
  • • ประกันภัยและความคุ้มครอง

⚖️ ด้านกฎหมาย

  • • ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
  • • โครงสร้างการถือหุ้นและคณะกรรมการ
  • • สัญญาสำคัญและข้อผูกพัน
  • • ทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิ์
  • • คดีความและข้อพิพาท
  • • การปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน
  • • ภาษีและสถานะการเสียภาษี

🏭 ด้านปฏิบัติการ

  • • กระบวนการผลิตและให้บริการ
  • • ระบบ IT และเทคโนโลยี
  • • ห่วงโซ่อุปทานและผู้จำหน่าย
  • • ระบบควบคุมคุณภาพ
  • • การจัดการสิ่งแวดล้อม
  • • ความปลอดภัยและสุขอนามัย
  • • โครงสร้างต้นทุนและประสิทธิภาพ

👥 ด้านทรัพยากรบุคคล

  • • โครงสร้างองค์กรและผังบริหาร
  • • ทีมผู้บริหารหลักและประสบการณ์
  • • พนักงานและสัญญาจ้าง
  • • ระบบค่าตอบแทนและสวัสดิการ
  • • วัฒนธรรมองค์กรและบรรยากาศ
  • • แผนการสืบทอดตำแหน่ง
  • • การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร
⚠️

คำเตือนสำคัญ!

การซื้อกิจการมีความเสี่ยงสูง ควรทำ Due Diligence อย่างละเอียดและใช้ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรตัดสินใจจากอารมณ์หรือแรงกดดันจากผู้ขาย

ต้องการคำปรึกษาการซื้อกิจการ?

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อกิจการและ M&A เพื่อการลงทุนที่ปลอดภัย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

การซื้อกิจการต่างจากการเริ่มต้นธุรกิจใหม่อย่างไร?

การซื้อกิจการช่วยให้คุณได้ลูกค้าฐาน ระบบงาน และรายได้ทันที ลดความเสี่ยงและเวลาในการสร้างธุรกิจจากศูนย์ แต่ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูงกว่าและต้องทำ Due Diligence อย่างละเอียด

ธุรกิจประเภทไหนที่คุ้มค่าสำหรับการซื้อในไทย?

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น เทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ อาหาร สุขภาพ โลจิสติกส์ หรือธุรกิจที่มีฐานลูกค้าแข็งแรง กระแสเงินสดสม่ำเสมอ และทีมงานที่มีประสบการณ์

ควรใช้เงินเท่าไหร่ในการซื้อกิจการ?

โดยทั่วไปควรเตรียมเงินสด 20-30% ของราคาซื้อ และสามารถใช้เงินกู้ 70-80% ราคาซื้อโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-8 เท่าของ EBITDA ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจและแนวโน้มการเติบโต

กระบวนการซื้อกิจการใช้เวลานานเท่าไหร่?

กระบวนการซื้อกิจการโดยเฉลี่ยใช้เวลา 4-12 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจ ความซับซ้อน การเจรจา และกระบวนการ Due Diligence การเตรียมตัวและมีที่ปรึกษาที่ดีจะช่วยลดระยะเวลา

มีข้อกฎหมายอะไรที่ต้องระวังเมื่อซื้อกิจการในไทย?

ต้องตรวจสอบ Foreign Business Act สำหรับนักลงทุนต่างชาติ ใบอนุญาตประกอบกิจการ สัญญาแรงงาน ภาษี สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา และความรับผิดชอบตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม